วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ความเป็นมาของกรรมฐานธรรมะเปิดโลก


กาลครั้งหนึ่งสมัยที่สมเด็จพระบวรนาถสมณโคดมยังทรงพระชนม์อยู่ ในกาลนั้นได้เสด็จขึ้นสู่ดาวดึงส์เทวสถานเพื่อโปรดพระพุทธมารดา ในวันที่เสด็จกลับจากดาวดึงส์ ได้มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากคอยรับเสด็จอยู่ ในครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงใช้พุทธานุภาพแสดงโลกทั้งสามให้ปรากฏ แก่พสกนิกรผู้เป็นศานุศิษย์ของพระพุทธชินสีห์ ประชาชนที่มารับเสด็จในวันนั้น ต่างก็ได้รับทิพยจักขุญาณ เห็นเทวโลก มนุษยโลก และอบายโลก พร้อมกัน กล่าวคือ เทวดาทั้งหลายก็เห็นมนุษย์และสัตว์ในอบาย มนุษย์ทั้งหลายก็เห็นเทวดาและสัตว์ในอบาย สัตว์ในอบายทั้งหลายก็เห็นทั้งมนุษย์และเหล่าเทวดา เรียกว่าทั้งสามโลกมองเห็นกันทะลุปรุโปร่ง

ในวันนี้พระพุทธคุณนั้นเป็นอานุภาพที่ไร้ขอบเขต ทรงฤทธานุภาพสูงสุดในจักรวาล ในวันนั้นเทวดามนุษย์และสัตว์เดรัจฉานทั้งปวงต่างๆ ก็ได้พบพ่อแม่ พี่น้อง ครูบาอาจารย์ มิตรสหาย และบริวารเก่าๆ ที่กำลังเสวยผลกรรมอยู่ในภพต่างๆ กัน เป็นทุกขเวทนาบ้าง สุขเวทนาบ้าง จึงเกิดเมตตาจิต อธิษฐานอโหสิกรรมผู้ที่ได้เคยกระทำชั่วต่อกันมาให้ได้พ้นจากบาป กรรมเวรเหล่านั้น

ในวันนั้นเอง มีผู้มีปัญญาเกิดความเบื่อหน่ายคลายความยินดีในภพชาติ หลุดพ้นจากอาสวะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก จากนั้นมาธรรมะเปิดโลกก็มิได้ปรากฏในพระประวัติพระพุทธศาสนาอีกเลย จนกระทั่งเมื่อหลวงพ่อคง จตฺตมโล พุทธสาวกสมัยพุทธกาลนี้ ได้ถือเนกขัมมะวัตรเป็นบรรพชิตบำเพ็ญเพียรด้วยวิริยะอันแรงกล้า วิรัติแล้วจากการเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ทั้งโดยตรงและโดยทางอ้อม ตั้งแต่อยู่ในฆราวาสวิสัย ดำริมั่นที่จะออกจากกาม ได้จาริกเพื่อเจริญวิมุติญาณเข้าสู่โลกกุตระสภาวะมาโดยลำดับ

จนกระทั่งลุถึง ถ้ำอรหันต์ เขาสมโภชน์ ลพบุรี ท่านได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐานเป็นอุกฤษฏ์ จนบังเกิดความตึงเครียดในทุกส่วนของประสาท ก็ยังไม่สำเร็จผลดังหวัง ทำให้รู้สึกท้อแท้ ท่านจึงน้อมจิตอธิษฐานว่า หากคุณพระพุทธเจ้ามีจริง ขอทรงมาโปรดให้ท่านมีดวงตาเห็นธรรมด้วยเถิด ในครั้งนี้เอง ก็มีปรากฏการณ์บังเกิดขึ้นกับหลวงพ่อ ท่านได้พบพระวิสุทธิสัมมาสัมพุทธเทพ และได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติกรรมฐาน อาศัยบุญบารมีเก่าที่หลวงพ่อคงเคยเป็นหลวงพ่อร่วง ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิกถาไว้สั่งสอนปวงชนมาก่อน พระพุทธองค์จึงทรงประทานธรรมะเปิดโลกให้ เมื่อหลวงพ่อใช้กำลังสติปัญญาเข้าพิจารณาภูมิอันเป็นอาสวะแห่งงวัฏฏะแล้ว เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด จิตใจมุ่งเข้าสู่ความบริสุทธิ์ สำเร็จวิสุทธิญาณในวันนั้นเอง

จากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมโลกเชษฐ์ได้ทรงประทานพุทธานุญาตให้ หลวงพ่อคงโปรดแสดงธรรมะเปิดโลกแก่พสกนิกรพุทธบริษัทได้ โดยอาราธนาพระพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และอริยสังฆานุภาพ มาเป็นอำนาจเปิดโลก เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจแจ้งเรื่องกรรมและกลไกของกรรมโดยถ่องแท้
กรรมฐานธรรมะเปิดโลก จึงได้รับการถ่ายทอดสาธิตจากหลวงพ่อคงนับตั้งแต่นั้นมา

ฝึกกรรมฐานแบบเปิดโลก, การระลึกกรรม

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีการปฏิบัติ : นั่งสมาธิภาวนาแบบ “ธรรมะเปิดโลก” (หายใจแรงๆ เข้า ออก-เข้า ออกๆ)

ขอแนะนำสถานปฏิบัติธรรมสวนสวรรค์ เพราะว่าที่นี่เป็น การปฏิบัติกรรมฐานแบบเปิดโลก (การเปิดให้เห็นทั้ง 3 โลก แบบที่พระพุทธเจ้าเคยแสดงในวันที่พระองค์เสด็จลงมาจากการขึ้นไปโปรดพุทธมารดา) แต่ที่วัดนี้ คำว่า เปิดโลก ไม่ใช่ว่าสามารถทำได้อย่างพระพุทธเจ้า แต่เป็นการให้นั่งดูกรรมตัวเอง ดูว่าที่เราปวดหัว ปวดเข่า เป็นอะไร เพราะว่าอะไร อย่างบางคนเห็นตัวเองเป็นทหารสมัยของพระเจ้าตากสิน พอมาที่วัดก็จะรู้สึกว่าตัวเองเจ็บคน พอนั่งดูแล้วก็จะเห็น พอเห็นแล้ว ถ้าเขาทำเราให้ตายก็อโหสิให้เรา จะได้ไม่เป็นเวรเป็นกรรมกันอีก แต่ว่าถ้าเราทำให้เขาตาย ก็ให้เราขออโหสิกับเขา วิธีปฏิบัตินำมาจากหลวงพ่อคง จตฺตมโล (ท่านอาราธณาพระพุทธเจ้าช่วย) แต่ตอนนี้ท่านปลงสังขารแล้ว
สถานปฏิบัติธรรมสวนสวรรค์ เป็นที่ปฏิบัติธรรมเห็นกรรมเวรอดีตชาติทำกรรมอะไรไว้บ้าง ชาตินี้ถึงส่งผลมาเป็นเช่นนี้ อยากรู้ไปค้นหา ปฏิบัติรู้ได้ด้วยตนเอง
- เป็นสถานที่ให้ความรู้ทางด้านกฎแห่งกรรม
- ไปกราบมนัสการหลวงปู่คง
- ไปค้างจะต้องเตรียมไปให้ครบ เต็นท์ หมอน มุ้ง กลด ผ้าห่ม ฯลฯ
- อาหารจะเป็นมังสะวิรัติหมด ไม่มีเนื้อสัตว์
- ให้นำความตั้งใจและจิตคิดศรัทธาที่จะปฏิบัติ

- ไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร มีถ้ำและธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย (ในวันกลับ)

สถานปฏิบัติจะเป็นสวนส้มโอ บรรยากาศส่วนมากเป็นเขา บริเวณของวัด ไม่กว้างมากนัก มีสระน้ำอยู่ด้านหน้า แต่ก็มีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนและทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ อยู่ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นสถานปฏิบัิติที่มีพระประธานของวัดเป็นพระปางเปิดโลกที่สวยงามมากๆ หาดูได้ยาก เหมาะกับผู้ที่ชอบการอยู่กับธรรมชาติแบบสงบเงียบ สถานปฏิบัติจะอยู่กลางหุบเขาล้อมรอบไปด้วยหุบเขา ใครที่ชอบธรรมชาติเหมาะมากๆ

การเดินทาง

ทางรถยนต์ :-
เมื่อถึงสะพานไปจังหวัดกาญจนบุรี ( หลักกิโลเมตรที่ 68 - 69 ) ให้ท่านขับขึ้นสะพานไป หลังลงสะพานแล้ว จากนั้นขับตรงไปตัวอำเภอท่าม่วง ให้ขับตรงไปประมาณ 11.1 กิโลเมตร จะผ่านศาลากลางจังหวัด ซึ่งอยู่ด้านขวามือของท่าน จากนั้นขับตรงไป ประมาณ 2.4 กิโลเมตร จะผ่าน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลาง เขต 1 ( ททท ) ซึ่งอยู่ด้านขวามือของท่าน เลยจาก ททท ไปประมาณ 200 เมตร ทางด้านขวามือของท่าน คือ สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นขับตรงไปประมาณ 3.9 กิโลเมตร ท่านจะผ่านแยกซ้ายมือเข้าสะพานข้ามแม่น้ำแคว ไม่ต้องเลี้ยวให้ขับตรงไป จากแยกซ้ายเข้าสะพานข้ามแม่น้ำแควขับตรงไปประมาณ 2.6 กิโลเมตร ท่านจะพบสี่แยก ถ้าตรงไปจะไปน้ำตกเอราวัณ + เขื่อนศรีนครินทร์ ให้ท่านเลี้ยวซ้ายที่แยกนี้ มุ่งหน้าสู่อำเภอไทรโยค เมื่อเลี้ยวซ้ายแล้ว ให้ขับตรงไป ( ไม่ต้องเลี้ยวที่แยกไหนนะครับ ขับตรงอย่างเดียว มุ่งหน้าสู่อำเภอทองผาภูมิ ) จะเจอน้ำตกไทรโยคน้อย จากนั้นให้ขับตรงไปประมาณ 30 กิโลเมตร จะผ่านวัดทุ่งก้างย่าง ซึ่งอยู่ด้านขวามือของท่าน จากนั้นขับตรงไป ประมาณ 2 กิโลเมตร ท่านจะเห็นป้ายชื่อสถานปฏิบัติธรรมสวนสวรรค์ หรือป้ายชื่อบ้านทุ่งก้างย่าง แปลง 3 ( หลักกิโลเมตรที่ 76 ) ให้ท่านเลี้ยวขาวมือเข้าไป แล้วอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็ถึงสถานปฏิบัติธรรมแล้ว
ทางรถโดยสารประจำทาง :-
จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยสามารถนั่งรถปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี แล้วไปลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี

จากนั้นนั่งรถสายกาญจนบุรี - ทองผาภูมิ - สังขละบุรี แล้วไปลงตรงหลักกิโลเมตรที่ 76 จากปากทางเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นบ้านหลังสวยอยู่ตรงสามแยกให้เลี้ยวขวา ก็ถึงสถานปฏิบัติธรรมแล้ว